แชร์

ล้วงลึก “เคล็ดลับการสร้างสุขวัยเกษียณ” ผ่านคำบอกเล่าจากครอบครัว Supanaree Story

Family Supanaree Story

สามสาวสุดเฟี้ยวกับท่าโพสต์สุดเก๋ คือภาพจำบนโลกโซเชียลของเพจ Supanaree Story ครอบครัวแสบอบอุ่นกับลีลาถ่ายรูปที่ไม่ธรรมดา จนเราอดไม่ได้ที่จะชวนคุณแม่บี – จามจุรี สท๊วต, คุณเฟิน -ศุภนารี สุทธวิจิตรวงษ์ และ คุณซาร่า – รัศมี สท๊วต มาล้อมวงพูดคุยถึงชีวิตประจำวันและแรงขับเคลื่อนของชีวิตผ่านกำลังใจที่มีให้กัน

5 เคล็ดลับสร้างความสุขวัยเกษียณง่ายๆ ด้วยแรงผลักดันของคนในครอบครัว

1. จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่ความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่

“ก็แค่อยากบอกคนอื่นว่าเรามีน้อง เรามีแม่นะ ก็เลยเริ่มจากชวนตัดผมสั้นทรงเดียวกัน” คุณเฟินเล่าถึงจุดเริ่มต้นของเพจ Supanaree Story ที่เกิดจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ แต่กลับเป็นแรงผลักดันและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะคุณแม่บี ในวัย 52 ปี จากชีวิตเรียบง่ายของแม่บ้านธรรมดา ก็กลับมามีพลังความสดชื่นอีกครั้ง

คุณแม่บีเล่าถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตว่า “ตอนแรกแม่ก็ลังเล เพราะเราแก่แล้วนะ อยู่ ๆ จะให้มาทำตัวเป็นวัยรุ่นหรอ แต่หลังจากได้ตัดผมสั้น แม่รู้สึกว่าเจ๋งดี เพราะชีวิตแม่ยังไม่เคยลองอะไรแบบนี้ ซึ่งตอนที่ตัดผมสั้น แม่แค่ใช้ความกล้าที่จะโดดออกจากความกลัว แม่ว่าถ้าเรากล้าที่จะออกเดิน เริ่มจากเรื่องเล็กๆ ก็ได้ แล้วจะพบว่า เฮ้ย! มันดีกว่าที่คิดนะ

Family Supanaree Story

นี่จึงเป็นที่มาของกิจกรรมมากมายที่เราได้เห็นบนโลกโซเชียลในเพจ Supanaree Story ที่ไม่เพียงแค่การเปลี่ยนทรงผม แต่ยังเปลี่ยนลุคตลอดจนไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่ชวนกันวิ่งเทรล ตั้งแคมป์ เดินป่า เล่นเซิร์ฟ ตลอดจนดำน้ำ ฯลฯ โดยคุณเฟินบอกเล่าถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่ชวนคุณแม่และน้องซาร่ามาทำรวมกันด้วยประโยคสั้น ๆ ว่า “ธีมของเฟินคือ พาแม่ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ”

2. แต่กว่าที่คุณแม่จะก้าวออกจาก comfort zone ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

“ถ้าเรากล้าตัดสินใจแล้ว เราก็ต้องเดินหน้าต่อ เพราะว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราไม่ได้ทำอะไรใคร ล่าสุดเฟินให้แม่ไปว่ายน้ำ แม่เกลียดการว่ายน้ำมาก กลัวมาก ในชีวิตนี้เคยบอกกับตัวเองว่า ใครอย่าเรียกฉันลงน้ำนะ ฉันไม่ลง เพราะแม่เคยจมน้ำมาก่อน ปรากฏว่าทุกวันนี้คือไปเรียนว่ายน้ำทุกวัน พอเวลา 5 โมงเย็นปุ๊บ เราก็ทิ้งงาน ทิ้งลูกออกไปว่ายน้ำเลย

แม่ก็ยังกลัวอยู่นะ แต่เราต้องก้าวข้ามในสิ่งที่เรากลัว แล้วจริง ๆ สิ่งที่เราไม่เคยทำอาจจะเป็นสิ่งที่เราชอบก็ได้ แม่มีเฟินกับซาร่าเป็นแรงผลักดันในการทำอะไรใหม่ ๆ  บวกกับเรามีความสุขกับสิ่งนั้นด้วย แค่นี้ชีวิตคนแก่แบบแม่ก็สุขมากแล้ว”

“ตอนนี้เรารู้สึกว่า เฮ้ย! ชีวิตมันต้องก้าวไปข้างหน้านะ  เพราะถ้าเราอยู่นิ่ง ๆ ในโลกส่วนตัวก็ไม่ได้ก้าวไปซะที แต่ถ้าเราค่อย ๆ ก้าวเดินออกไป เราจะรู้สึกว่าชีวิตมันกว้างขึ้น มันมีประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ เยอะขึ้น ไม่ได้แบบว่าแก่แล้วแก่เลย ชีวิตแม่ตอนนี้ มันมีอะไรให้ทำเยอะขึ้น ความสุขมันมากขึ้น ทั้งสุขภาพกายที่ดีขึ้น สุขภาพใจของแม่ก็แฮปปี้ขึ้น” นี่คือจุดเปลี่ยนที่คุณแม่บีภูมิใจและพร้อมส่งต่อให้คนวัยเกษียณได้รับรู้

Family Supanaree Story

3. แรงผลักดันของลูกคือกำลังใจสำคัญ

“เป้าหมายของเราคือพาแม่ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ถ้าเราไม่เป็นคนชวนแม่ไปทำ แม่ก็ไม่ทำเองอยู่แล้ว  อีกอย่างการที่แม่เปลี่ยนตัวเอง อย่างออกกำลังกาย ซึ่งแต่ก่อนแม่ไม่ออกกำลังกายเลย สิ่งที่ตามมาคือสุขภาพดีขึ้น แม่มีตารางเวลาของตัวเอง แม่มีวินัยมากขึ้น แม่มีเป้าหมายในการใช้ชีวิต ซึ่งจุดนี้เฟินภูมิใจที่แม่มีการพัฒนาตัวเองในทางที่ดี ไม่ใช่ปล่อยตัวเองแก่แล้วแก่เลย แต่ว่าตอนนี้แม่จะเป็นแบบ ยิ่งแก่ ยิ่งเด็ก เพราะดูแลตัวเองเยอะขึ้น” คุณเฟินกล่าวถึงความตั้งใจที่อยากผลักดันให้แม่ลุกขึ้นมาสนุกกับชีวิต

คุณแม่บีเล่าเพิ่มเติมว่า “เมื่อก่อนแม่จะคิดว่า ถ้าตัวเองแก่ตัวลงแล้ว ลูกจะไม่รัก ต้องเป็นคนแก่ที่อยู่แต่บ้าน ทำกับข้าว เลี้ยงหมาอยู่บ้าน แต่แม่มีเฟินกับซาร่าเป็นแรงผลักดันให้แม่ก้าวเดิน ผลักดันให้แม่ก้าวขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ไม่ใช่การเดินอยู่กับที่ เหมือนคนแก่อยู่บ้านไปวัน ๆ ตอนนี้แม่พยายามก้าวไป เพื่อลูกกับตัวเอง”

Family Supanaree Story

4. ถึงต่างวัย ใจต่างกัน แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรค เพียงเราเปิดใจรับฟัง

เมื่อเราถามถึงช่วงเวลาที่สมาชิกมีความเห็นต่างกัน ครอบครัว Supanaree Story มีวิธีรับมืออย่างไร คุณเฟินจึงเล่าให้ฟังว่า “ด้วยความที่เราสนิทกันมาก ดังนั้นเวลามีเรื่องที่คิดไม่เหมือนกัน เราจะมานั่งคุยกัน มาตกลงกันว่าจะหาทางออกทางไหนดีกว่ากัน บางเรื่องแม่คิดแบบหนึ่ง แต่เฟินกับซาร่าคิดอีกแบบหนึ่ง แล้วเขาคิดเหมือนกัน เราก็ต้องมาคิดแล้วว่า แม่อาจจะผิดก็ได้ แต่ถ้าไม่มีเวลามานั่งคุยต่อหน้า ก็โทรคุยกันได้ หาข้อสรุปที่ลงตัวกัน โดยผลสรุปที่ออกมาก็ต้องแฮปปี้กันทั้งสามคน”

“ซึ่งถ้าเห็นต่างกัน เราก็มานั่งคุยและแชร์ความคิดกันมากกว่า เราต้องฟังคนอื่นว่าคิดยังไง ดังนั้นเฟิน แม่ และซาร่าจะมานั่งฟังกันก่อน แล้วค่อยมาคุยกันอีกทีมากกว่า อีกอย่างเวลาเจอปัญหา เฟินจะถามก่อนว่าปัญหาคืออะไร คือทุกปัญหาต้องมีทางออกอยู่แล้ว เราแค่ต้องใจเย็นๆ  หน่อย เฟินจะถามเลยว่าเป็นยังไง แล้วมาช่วย ๆ กันแชร์ทางแก้ปัญหา ยิ่งถ้ามีผู้ใหญ่ที่เคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อน เราก็จะรู้ว่าควรแก้ยังไง คือถ้ามีปัญหาสิ่งที่ทำให้กันคือช่วยกันแก้มากกว่า”

5.แค่ใช้เวลาอาหารเย็นร่วมกันก็ทำให้สนิทกันมากขึ้น

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ล็อกดาวน์ แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำกิจกรรมร่วมกัน โดยคุณเฟินเล่าให้ฟังว่า “จริง ๆ อย่างตอนเจอวิกฤติโควิด ถ้ามองอีกมุมมันทำให้เราใช้เวลาด้วยกันเยอะขึ้น เฟินอาจบอกได้ว่าโควิดก็ทำให้สนิทกันมากขึ้น เฟินก็ไปอยู่ต่างจังหวัดกับแม่ ไปออกกำลังกายกับแม่ ซึ่งตอนนั้นเราก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่แล้วด้วย ดังนั้นเวลาอยู่ด้วยกันที่บ้าน เฟินก็จะหากิจกรรมโน้นนี่มาทำกัน อย่างช่วยกันทำกับข้าวกินกัน เมนูยำปลากระป๋องโรซ่าต้องมา

คือเราแค่ทำกับข้าวด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ออกกำลังกายด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน แค่ทำกิจกรรมเล็ก ๆ ง่าย ๆ แค่ทำกับข้าว กินข้าวเย็นพร้อมกัน ใช้เวลาด้วยกัน แค่นี้ก็ทำให้ทุกคนสนิทกันได้แล้ว”

Family Supanaree Story

ฝากถึงผู้สูงวัย… แค่กล้าที่จะก้าวเดิน

“แม่ว่าให้เริ่มจากการลองถามตัวเองว่าอยากอยู่นานไหม ถ้าเราอยากมีชีวิตอยู่อีกนาน เราก็ต้องกล้าที่จะก้าวออกไปจากพื้นที่เดิม ๆ วิธีง่าย ๆ เลย แค่เดินจากหน้าประตูออกไปสักหนึ่งกิโล เดินไปหน้าปากซอยก็ได้ เดินออกไปทุกวัน ๆ แล้วเราจะเห็นว่าโลกภายนอกเป็นยังไง

ถ้าเรากล้าที่จะก้าวออกไปแล้ว มันจะมีจุดหนึ่งที่เราจะรู้สึกว่า เฮ้ย! เราทำสิ่งที่ไม่เคยทำได้แล้วนะ หลังจากนั้นเราจะรู้สึกว่าโลกมันเปลี่ยน ชีวิตเราทำอย่างนี้ได้อีกนะ ทีนี้เราจะรู้สึกว่าโลกมันสวยงามสำหรับคนแก่เหมือนกัน 

อีกอย่างอย่าไปกลัว ถ้าเรามัวแต่กลัว ชีวิตก็จะอยู่แค่นั้น แต่ถ้ากลัวว่าก้าวแล้วจะเจ็บก็ให้ชะลอตัวเองลงหน่อย ถอยออกมาได้ แต่ถอยครึ่งก้าวพอนะ อย่าถอยจนสุด ดังนั้นคำแนะนำของแม่คือ ค่อย ๆ เดินไป ก้าวทีละก้าว แล้วเราจะเห็นบทสรุปว่าเราทำได้ เราทำได้แน่นอน 99% แม่เชื่อว่าทุกคนทำได้ เพื่อตัวเราเอง เพื่อคนที่คุณรัก”

นี่คืออีกหนึ่งบทสนทนาชวนประทับใจที่เรานำเสนอเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้สูงวัยได้กล้าที่จะทำในสิ่งที่รัก แม้จะอยู่ในวัยเกษียณ โดยมีคุณแม่บีเป็นตัวอย่างสำคัญ จากแม่บ้านแต่งตัวเฉิ่ม อยู่บ้านไปวัน ๆ สู่การเป็นคุณแม่สุดจี๊ดที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังชีวิต โดยมี “สายใยของครอบครัว” เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงวัยกล้าที่จะสนุกกับชีวิตหลังเกษียณ ดังนั้นควรหมั่นเติมความผูกพันธ์ให้เหนียวแน่นผ่านการทำกิจกรรมร่วมกัน อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ อย่างช่วยกันทำอาหารและรับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อสร้างช่วงเวลาคุณภาพ สร้างสายใยความสนิท เพียงเท่านี้ก็เป็นแรงใจให้งคนวัยเกษียณมีความสุขได้แล้ว

###

แชร์